คู่มือปฏิบัติธรรม

วิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งหมายถึงรากฐานของวิปัสสนา อันเป็นตัวปัญญา รู้แจ้งและเข้าใจ ถึงเรื่องทุกข์ที่เป็นตัวปัญหาอย่างร้ายกาจซึ่งคอยรบเร้าจิตใจ ของเหล่าสัตว์ที่ยังข้องติดอยู่ตลอดเวลา โดยทำอวิชชาคือความไม่รู้จริงให้หมด สิ้นไปอย่างสิ้นเชิง ดังที่พระพุทธองค์รับสั่งว่า “วิปัสสะนา ภิกขะเว ภาวิตา กิมมัตถะมะนุโภติ? ปัญญา ภาวียะติ. ปัญญา ภาวิตา กิมัตถะมะนุ-โภติ? ยา อะวิชชา, สา ปะหียะติ ๑ – ภิกษุทั้งหลาย วิปัสสนาที่ได้อบรม ไว้เจริญแล้ว ย่อมให้ประโยชน์อะไร? ย่อมทำให้ปัญญาเจริญงอกงาม ปัญญา ที่เจริญงอกงามแล้ว ย่อมให้ประโยชน์อะไร? ย่อมทำอวิชชาคือความไม่รู้จริง ให้หมดสิ้นไป” เป็นผลลัพธ์ที่ได้มาจากการเจริญหรืออบรมสมาธิ ดังที่พระ พุทธองค์รับสั่งว่า “จะตัสโส อิมา ภิกขะเว สะมาธิภาวะนา – ภิกษุทั้งหลาย การเจริญหรืออบรมสมาธินี้ให้ผลถึง ๔ อย่าง! กะตะมา จะตัสโส – ๔ อย่าง อะไรบ้าง? ก็คือ :-

๑. ทิฏฐะธัมมะสุขะวิหารายะ – เพื่ออยู่อย่างมีความสุขในปัจจุบัน
๒. ญาณะทัสสะนัปปะฏิลาภายะ – เพื่อมีปัญญารู้แจ้งทุกข์โดยแก้มันได้
๓. สะติสัมปะชัญญายะ – เพื่อมีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์
๔. อาสะวานัง ขะยายะ๒ – เพื่อขจัดอาสวะกิเลสให้ค่อย ๆ หมดไป

เมื่อทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่า วิปัสสนากรรมฐานเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ในการขจัดความทุกข์ที่มีอยู่ให้หมดไป และสกัดกั้นความทุกข์ใหม่ไม่ให้มีมา เพราะต้องใช้สติหรือมีสติคือไม่เผลออยู่ตลอดเวลา ถึงจะดูจิตของตนเองได้ อย่างไม่น่าเชื่อ ดังที่ปราชญ์ท่านหนึ่งประพันธ์ไว้ว่า

“วิปัสสนา กรรมฐาน งานดูจิต
เหมือนมีมิตร คอยเตือน เพื่อนคอยสอน
กำหนดรู้ ยิ่งรู้ ทางจิตจร
จะยืนเดิน นั่งนอน สำรวมตน
ระวังตัว กลัวภัย อันใหญ่หลวง
ภพทั้งปวง ข้องอยู่ ทุกแห่งหน
รู้รับทุกข์ รับโทษ รู้อดทน
รู้ดิ้นรน เพื่อรอด ปลอดอวิชชา
หวังสิ่งใด ก็จะได้ ดั่งใจหวัง
กุศลจิต เพิ่มพลัง เสกสรรหา
สมาธิ ตั้งมั่น เกิดปัญญา
ได้วิชา กำจัดทุกข์ สุขอนันต์”

ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นไปอย่างถูกต้องและได้ผลดีต่อผู้ปฏิบัติ คือเห็นปัญญาอันชอบ และสามารถนำปัญญานี้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง ทางวัดจึงได้จัดทำคู่มือปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานประจำวัดดุสิดารามไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป